รีวิว Bird Box Barcelona

รีวิว Bird Box Barcelona เรื่องย่อ: สิ่งมีชีวิตลึกลับมาเยือนโลกและฆ่าทุกคนที่พบเห็น กลายเป็นปรากฏการณ์ไปทั่วโลกอย่างรวดเร็ว ในภาคแรก เหตุการณ์เกิดขึ้นในฝั่งอเมริกา แต่ในภาคนี้ผู้ชมจะได้มาพบกับโรคระบาดที่ใกล้ต้นเรื่องในสเปน Netflix มีเนื้อหามากมายอยู่ในมือ และลิขสิทธิ์ในการดัดแปลงนวนิยายชื่อเดียวกัน นอกจากนี้ ยังเป็นงานเขียนเปิดตัวของนักเขียนแนวสยองขวัญ จอช มาเลอร์แมน ในปี 2014 เป็นหนึ่งในนั้น

แน่นอนว่าการตลาดของภาพยนตร์เรื่อง ‘Bird Box’ (2018) แสดงให้เห็นว่า Netflix ทุ่มเทให้กับสมบัติชิ้นนี้มากเพียงใด ในเวลานั้น Netflix ปล่อยให้ผู้กำกับเจ้าของรางวัลออสการ์สาขาภาษาต่างประเทศจาก ‘Hævnen’ (2010) ซูซาน เบียร์ เป็นผู้ควบคุมการออกอากาศ และนำแสดงโดยดาราสาวระดับแม่เหล็กอย่าง Sandra Bullock (แซนดร้า บูลล็อค) รวมถึงดาราชื่อดังประกบคู่อีกมากมาย

จุดเด่นของ ‘Bird Box’ เรียกได้ว่านำเสนอความน่ากลัวจากสิ่งที่เรามองไม่เห็น และไม่สามารถมองเห็นได้ ไม่มีการเปิดเผยรูปร่างหน้าตาของสิ่งมีชีวิต ปล่อยให้ผู้ชมสงสัยและจินตนาการว่ามันจะเป็นอย่างไร เหตุใดผู้ที่เห็นก่อนฆ่าตัวตายจึงชื่นชมยินดีและชมว่าสวยงามเพียงใด แม้ว่าภายหลังจะมีบริษัทที่ออกแบบสัตว์ประหลาดสำหรับภาพยนตร์ออกมาเปิดเผยแนวคิดของสัตว์ประหลาดตัวนี้ แต่ไม่นานก็ถูกลบไป และจากการที่หนังจงใจตัดความลึกลับของมันออกไปก็ยังเป็นเสน่ห์ที่น่าสนใจที่ติดตามมาจนถึงหนังภาคใหม่อย่าง ‘Bird Box: Barcelona’ (2023)

เริ่มอย่างระทึก รีวิว Bird Box Barcelona

รีวิว Bird Box Barcelona ภาคนี้เดินเรื่องไปฝั่งยุโรปคือสเปน ตามข่าวในหนังภาคแรกถือเป็นประเทศใกล้จุดเริ่มต้นของปรากฏการณ์การฆ่าตัวตายหมู่ครั้งแรกในโรมาเนีย โดยได้สองพี่น้อง เดวิด และ อเล็กซ์ ปาสเตอร์ (David Pastor – Àlex Pastor) ผู้เคยมีผลงานระดับโลกจากโรคระบาดอย่าง ‘Carriers’ (2009) มากำกับ และสองพี่น้อง Pastor ก็ได้หยิบประเด็นที่น่าสนใจ จากหนังเรื่องแรกที่นำมาใช้ นั่นคือ เรื่องราวของกลุ่มคนที่เรียกว่า ผู้หยั่งรู้ ซึ่งได้อธิบายไว้ตั้งแต่ภาคแรกแล้วว่า คนจิตไม่ปกติ ถ้าเห็นสัตว์ประหลาดจะไม่ถูกครอบงำให้ฆ่าตัวตาย แต่อยากจะพาคนอื่นไปเปิดหูเปิดตาเห็นสัตว์ประหลาด กลายเป็นภัยจากมนุษย์ด้วยกันเอง

ภาพยนตร์เรื่องนี้เปิดตัวอย่างน่าสนใจเมื่อเซบาสเตียนและแอนนาลูกสาวของเขาหนีตายในบาร์เซโลนา ความพลิกผันที่โดดเด่นเกิดขึ้นใน 10 นาทีแรกของภาพยนตร์ เมื่อเซบาสเตียนถูกโจมตีโดยคนตาบอดที่หิวโหย กลายเป็นว่าในโลกที่ห้ามการมองเห็น คนพิการหรือผู้พิการทางสายตากลายเป็นผู้รอดชีวิตแทนที่จะเป็นผู้ที่มองเห็นได้ เมื่อพิจารณาว่าหนังถูกปลุกเร้าด้วยการโต้เถียง มันรู้สึกว่าพี่น้อง Paster ก็มีสิ่งที่ไม่ธรรมดาเช่นกัน

ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังก้าวไปข้างหน้าด้วยการตีแผ่เรื่องราวของผู้รอดชีวิตที่เซบาสเตียนและลูก ๆ ของเขาเผชิญหน้า ที่ผู้หยั่งรู้กลายเป็นตัวร้ายตัวใหม่ของโลก เพราะพวกเขาคลั่งไคล้บังคับให้ทุกคนลืมตาและตาย แถมยังลืมตาเดินไปมาได้ปกติ กลายเป็นนักล่าที่สมบูรณ์แบบ และภาพยนตร์เรื่องนี้พาเราไปสู่ทิศทางที่ตัวเอกต้องเผชิญทั้งภัยคุกคามที่เกินต้านทานและจากมนุษย์

เราสามารถพูดถึงเนื้อหาของภาพยนตร์ได้ที่นี่เท่านั้น และบอกได้คำเดียวว่าพี่ Paster กล้าเสี่ยงมากตั้งแต่หนังฉายแค่ครึ่งชั่วโมง มันส่งผลให้ผู้ชมตื่นตระหนกต่อการรับรู้ก่อนหน้านี้ แต่ก็สร้างความรู้สึกภูมิใจที่ได้ช่วยเหลือหรือติดตามเรื่องราวเช่นกัน

สรุป

รีวิว Bird Box Barcelona ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังคงประเพณีของภาพยนตร์เรื่องแรกในการเล่าถึงยุคปัจจุบันที่ทุกอย่างพังทลายลง สลับกับเรื่องราวในอดีต วันเริ่มต้น ข้อแตกต่างเพียงอย่างเดียวคือสัดส่วนหรือน้ำหนักในภาพยนตร์เรื่องแรกมุ่งเน้นไปที่อดีต แต่ในภาคใหม่นี้จะเน้นไปที่ปัจจุบันมากขึ้น น่าเสียดายที่จุดเปลี่ยนของเรื่องราวหลักในภาคนี้แม้จะพยายามหลอกล่อผู้ชมแล้วก็ตาม แต่มันก็ยังเร็วเกินไปที่จะคาดเดา จนเมื่อมีการเฉลยผ่านเหตุการณ์ต่างๆ ที่ผ่านมา เราไม่ได้รู้สึกเท่าที่ตัวละครรู้สึก แต่มองในแง่ตรรกะก็มีอีกมุมมองหนึ่งที่หนังขยายมุมมองของคนดูจากคำอธิบายในภาคแรก มันน่าสนใจ

และถ้าจะเทียบกันก็ต้องบอกว่าหลังจากครึ่งแรกของเรื่อง ความน่าสนใจ ลุ้นระทึกในตอนต้นค่อยๆ โรยราไป ยิ่งในช่วงครึ่งหลัง ภาพยนตร์ไม่มีรูปแบบการเล่าเรื่องหรือการเคลื่อนไหวใหม่ ๆ เหตุการณ์ต่าง ๆ ถูกใส่เข้ามาเพื่อล้างตัวละครที่ไม่จำเป็นออกในขณะที่ตัวเอกพัฒนาจิตใจ ดูเหมือนจะทำได้ดีแต่ด้วยความที่มันหลุดออกไปอย่างรวดเร็วทำให้เราเห็นอกเห็นใจตัวละครน้อยลง

ตอนจบของหนังจึงไม่ใช่ฉากใหญ่เพื่อกลบฉาก แต่เป็นเพียงฉากเล็ก ๆ เพื่อพยายามหาวิธีที่ง่ายที่สุดในการลงจอด ส่งผลให้กลายเป็นหนังธรรมดาอีกเรื่องไปอย่างน่าเสียดาย

  • เน้น
  • การเปิดเรื่องที่น่าสนใจ กล้าที่จะเสี่ยงในการเล่าเรื่องดีๆ มีพัฒนาการของตัวละครเป็นขั้นเป็นตอน งานสร้างทำได้ดีในฉากเมืองร้างต่างๆ โดยเฉพาะครึ่ง
  • แรกของเรื่อง มันดูใส่ใจทั้งการเล่าเรื่องและการผลิตมากกว่าครึ่งหลังอย่างเห็นได้ชัด
  • จุดสังเกต
  • เอฟเฟกต์แสงยังไม่ค่อยดีนัก พยายามหลอกคนดูแต่ต้องยอมเฉลยให้เดาง่ายเร็วเกินไป สไตล์การเล่าเรื่องเป็นดาบสองคมที่ทำให้คนดูอาจติดตามตัว
  • ละครได้ไม่ดีนัก จุดเริ่มต้นเป็นสิ่งที่ดีมาก แต่จุดจบจะพาเขากลับสู่ปกติ

บทความที่เกี่ยวข้อง